คือ เป็นการเรียนที่ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ของการตระหนักในความแตกต่างของเด็กแต่ละคน การเรียนดังกล่าวต้องการให้เด็กเรียนอย่างสนุก ท้ายทาย และให้กำลังใจ และเสริมสร้างต่อบรรยากาศของการเรียนอย่างมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน
นวัตกรรมการศึกษา (Educational innovation) หมายถึง การนำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นความคิดหรือการกระทำ หรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นโดยอาศัยหลักการ ทฤษฎี ที่ได้ผ่านการทดลองวิจัยจนเชื่อถือได้ เข้ามาใช้ในการศึกษา เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของการเรียนการสอน ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้
2. แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book)
คือ เป็นสื่อการสอนการเรียนที่ส่งเสริมการเรียนด้วยตนเอง ด้วยความสามารถของแต่ละบุคคล ด้วยบทเรียนที่มีการกำหนด โดยที่ครูไม่ต้องช่วยเหลือ หรือนั่งอธิบายอยู่อย่างใกล้ชิด ครูมีหน้าที่ดูแลจัดหาบทเรียนให้ และให้คำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น
3. เครื่องช่วยสอน (Teaching Machine)
คือ เครื่องช่วยสอนนี้มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยในการเรียนการสอน เช่น อาจจะมีการเสนอบทเรียน คำอธิบาย ตามมาด้วยคำถามคำตอบ วิธีนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เครื่องจะช่วยตรวจคำตอบเพื่อวัดความเข้าใจของผู้เรียน
เครื่องสอนคือ เครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อใช้สอนนักเรียนเป็นรายบุคคล มีส่วนประกอบ ที่สำคัญคือรายการสอน(Programs) ซึ่งหมายถึง สิ่งพิมพ์ หรือสิ่งที่เขียนเป็นรายการป้อนเข้าไปในเครื่องสอนเพื่อใช้เป็นบทเรียนให้นักเรียน เรียนได้ด้วยตนเองผู้เรียนจะต้องสามารถเข้าใจได้ทันทีและกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากรู้อยากเห็นอยู่ได้ตลอดเวลา เครื่องสอนอาจรวมเอาสื่อ หรือเทคนิคหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งจะเป็นการเสริมให้เกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
ลักษณะของเครื่องสอน
คือ โปรแกรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบต่อก้าน อาจอยู่ในแผ่นกระดาษม้วนหรือแผ่นอาซีเตทก็ได้
ตัวเครื่องอาจเป็นซองกระดาษ กล่องไม้ หรือกล่องเหล็ก มีช่องหน้าต่างสำหรับผู้เรียน
กรอกคำตอบหรือมีปุ่มให้เลือกตอบ แล้วแต่ชนิดของเครื่องสอน
ข้อดี คือ
- ป้องกันการทุจริตของผู้เรียน
- ใช้สอนผู้อ่านหนังสือไม่ออกได้
- บันทึกข้อที่ผู้เรียนผิดพลาดได้ สะดวกแก่การนำมาปรับปรุงแก้ไข
- ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ
- ทำหน้าที่ในการสอนรายบุคคลได้ดีกว่าครู
- ไม่ดุหรือทำโทษนักเรียน
- ตัวบทเรียนราคาถูกกว่าหนังสือ
- ใช้ร่วมกับสื่ออื่น ๆ ได้
- ใช้ได้หลายครั้ง สิ้นเปลืองน้อยกว่าบทเรียนโปรแกรมในลักษณะของตำราเครื่องสอน
(Teaching Machine)
4. การสอนเป็นคณะ (TeamTeaching)
คือ การสอนเป็นคณะเป็นการจัดการเรียนการสอนแบบหนึ่ง ที่จัดให้ครู ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทำการสอนร่วมกัน โดยอาจอาศัยครูผู้ช่วย มาช่วยงานด้านวางแผนการสอน เพื่อให้ได้ประโยชน์จาก ความสามารถพิเศษของครูผู้ร่วมคณะ จำนวนนักเรียน ในทีมการสอนหนึ่งๆ อาจมีจำนวนตั้งแต่ 40 - 300 คน การจัดกลุ่มคำนึงถึง อายุ ความสนใจ ความถนัด อาจใช้ชั้นเรียนเดิมหรือคละกัน ทั้งนี้แล้วแต่วัตถุประสงค์ของคณะ มีการแบ่งกลุ่มย่อย 12-20 คน คณะครูควรอยู่ระหว่าง 5-7 คน ซึ่งมีทั้งผู้มีความรู้ทั่วไปและเฉพาะทาง ครูในทีมแต่ละคนจะต้องสอนร่วมกันมีการประชุมปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันอยู่เสมอ รับผิดชอบการสอนทั้งในกลุ่มใหญ่และเป็นผู้รับผิดชอบประจำกลุ่มย่อย
จุดมุ่งหมายในการสอน
1. เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนการสอน
2. เพื่อให้ครูได้ใช้เวลาทั้งหมดให้ผูกพันกับการสอน
3. เพื่อแก้ปัญหาจำนวนนักเรียนในห้องเรียน
4. เพื่อช่วยส่งเสริมทางด้านการฝึกหัดครู
5. เพื่อแก้ปัญหาการจ้างครูที่ขาดคุณวุฒิ
ข้อดีคือ
ครูมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านวิชาการครูใช้ความถนัดและความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่ ทำให้ครูใหม่ได้มีโอกาสได้ฝึกงานให้เกิดความชำนาญ ผู้เรียนมีประสบการณ์กว้างขวาง
5. การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
คือ โรงเรียนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีการแบ่งเป็นขนาดเล็กมีอิสระในระบบการจัดการและแยกเป็นนิติบุคคลในแต่ละโรงเรียนจะมีการบริหารงบประมาณ และการวางแผนโปรแกรมต่างๆ เป็นของตนเอง แต่การดำเนินการด้าน ความปลอดภัย และอาคารสถานที่ยังคงประสานกับโรงเรียนขนาดใหญ่และใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน รูปแบบของการจัดโรงเรียน ภายในโรงเรียนเป็นลักษณะของการแสวงหาผลประโยชน์และความสำเร็จร่วมกัน ของโรงเรียนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
รูปแบบการจัดโรงเรียนภายในโรงเรียน 7 รูปแบบ
รูปแบบที่ 1 การจัดการเรียนรู้แบบรวมชั้นเรียน
รูปแบบที่ 2 การบูรณาการหลักสูตร
รูปแบบที่ 3 ความร่วมมือจากชุมชน
รูปแบบที่ 4 การใช้ ICT ในการพัฒนาคุณภาพ
รูปแบบที่ 5 รูปแบบโรงเรียนเครือข่าย
รูปแบบที่ 6 ผสมผสานด้วยวิธีการหลากหลาย
รูปแบบที่ 7 การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
6. เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
คือ สื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนอันหนึ่ง CAI คล้ายกับสื่อการสอนอื่น ๆ เช่น วิดีโอช่วยสอน บัตรคำช่วยสอน โปสเตอร์ แต่คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะดีกว่าตรงที่ตัวสื่อการสอน ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์นั้น สามารถโต้ตอบกับนักเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับคำสั่งเพื่อมาปฏิบัติ ตอบคำถามหรือไม่เช่นนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะเป็นฝ่ายป้อนคำถาม การนำคอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือสร้างให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้เรียนนำไปเรียนด้วยตนเองและเกิดการเรียนรู้ ในโปรแกรมประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด แบบทดสอบ ลักษณะของการนำเสนอ อาจมีทั้งตัวหนังสือ ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สีหรือเสียง เพื่อดึงดูดให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทีด้วยข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรียน และยังมีการจัดลำดับวิธีการสอนหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละคน ทั้งนี้จะต้องมีการวางแผนการในการผลิตอย่างเป็นระบบในการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น